พาณิชย์จังหวัดร้อยเอ็ด ออกตรวจสอบสต็อกข้าวตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปี 2562/2563
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 29 มกราคม 2563 นายเจนเจตน์ เจนนาวิน ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยนางลักขณา บุญนำ พาณิชย์จังหวัดร้อยเอ็ด นางสาวทัสนี ประภาศรี ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจกาค้า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่ธนาคาร ธ.ก.ส. และ คณะทำงาน เดินทางตรวจสอบสต็อกข้าวตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปี 2562/2563 ที่ บริษัท โรงสีข้าวไทยเพิ่มพูน ร้อยเอ็ด อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด
นายเจนเจตน์ เจนนาวิน ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2562/63 เป็นหนึ่งในโครงการตามมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2562/63 ของรัฐบาลโดยมีเป้าหมายในการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการ เก็บสต็อกข้าวในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร เพื่อดูดซับผลผลิตในช่วงที่ข้าวออกสู่ตลาดมาก เป็นระยะเวลา 2-6 เดือน โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยตามมูลค่าข้าวเปลือกที่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เก็บสต็อกไว้ ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตามระยะเวลาที่เก็บสต็อกไว้ 60-180 วัน นับแต่วันที่รับซื้อ (เบิกจ่ายเงินหรือออกตั๋วสัญญาใช้เงิน) ระยะเวลาในการเก็บสต็อกตาม จังหวัดร้อยเอ็ดมีผู้ประกอบการค้าข้าวที่ได้รับอนุมัติให้ข้าร่วมโครงการจำนวน 20 โรงสี วงเงินกู้รวมทั้งสิ้น 6,475 ล้านบาท (อนุมัติรอบแรก 15 โรงสี วงเงิน 5,655 ล้านบาท อนุมัติเพิ่มเติม 5 โรงสีวงเงิน 820 ล้านบาท) ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ประธานคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัด ได้แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบสต็อกข้าวของผู้เข้าร่วมโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อตรวจสอบสต็อกข้าวของผู้เข้าร่วมโครงการร่วมกับธนาคารพาณิชย์ผู้ให้กู้ครั้งแรกในสัปดาห์สุดทายของเดือน ธันวาคม 2562 และครั้งถัดไปทุกสัปดาห์สุดท้ายของเดือน แต่ไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนถัดไป
นายเจนเจตน์ เจนนาวิน ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวอีกว่า การตรวจสอบสต็อกข้าวประจำเดือน มกราคม2562 (เป็นการตรวจครั้งที่ 2) ผู้ประกอบการโรงสีที่เข้าร่วมโครงการคงเหลือ 15 ราย กำหนดแผนการตรวจสอบสต็อก ระหว่างวันที่ 28 - 30 มกราคม2563 ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ใช้ตรวจสต็อกข้าวเบื้องต้นจำนวน 91 ฉบับ วงเงินกู้รวม 3,817.70 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ปะกอบการโรงสีสามารถยื่นตั๋วสัญญาใช้เงินเพิ่มเติมตามกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติเพื่อให้คณะทำงานๆ ตรวจสอบสต็อกข้าวสำหรับรอบเดือนได้ภายในวันและเวลาที่คณะทำงานฯ เข้าทำการตรวจสอบสต็อกข้าว หากตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับใดที่ออกแล้วไม่ได้ยื่นให้คณะทำงานตรวจสอบสต็อก หรือมีอายุการคำรงสต็อกไม่ถึง 60 วัน ตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับจะไม่ได้รับเงินชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการฯ และการตรวจในครั้งนี้ มีผู้บริหารโรงสีฯ ให้ข้อมูลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
/////
คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว/ภาพ
สุทธิชัย อุปปะ(เต็ม ข่าวไทยนิวส์)
รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น