วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2564

ร้อยเอ็ด…..โรงเรียนจตุรพักตรพิมานรัชดาภิเษก คว้าหลายรางวัล ในโครงการโรงเรียนสีขาว ปลอดยาเสพติด และอบายมุขในสถานศึกษา เพื่อเยาวชนห่างไกลยาเสพติด

 

ร้อยเอ็ด…..โรงเรียนจตุรพักตรพิมานรัชดาภิเษก คว้าหลายรางวัล ในโครงการโรงเรียนสีขาว ปลอดยาเสพติด และอบายมุขในสถานศึกษา เพื่อเยาวชนห่างไกลยาเสพติด

        วันที่ 29 มกราคม 2564 เวลา 11.00 น. ที่ โรงเรียนจตุรพักตรพิมานรัชดาภิเษก อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด ดร.อัมพร กุลาเพ็ญ ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามและร่วม ประเมินผล การรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดในสถานศึกษา เพื่อเยาวชนห่างไกลยาเสพติด โดยมี นายเฉลิมชัย หรสิทธิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนจตุรพักตรพิมานรัชดาภิเษก คณะผู้บริหาร คณะครู และบุคลากรทางการศึกษาร่วมให้การต้อนรับ 

นายเฉลิมชัย หรสิทธิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนจตุรพักตรพิมานรัชดาภิเษก กล่าวว่า สำหรับโครงการโรงเรียนสีขาว ปลอดยาเสพติด และอบายมุขในสถานศึกษา ทางโรงเรียนได้สร้างความสำคัญและตระหนักรู้ ในเรื่องของยาเสพติดให้กับนักเรียน เพื่อทำให้เป็นโรงเรียนปลอดสารเสพติด 100% ส่วนในเรื่องของการดำเนินงาน ตามนโยบายนั้น ทางโรงเรียนได้จัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยได้มอบหมายให้กับคุณครูที่ปรึกษา ครูผู้สอน และฝ่ายงานบริหารกิจการนักเรียนได้ตรวจสอบนักเรียนที่สุ่มเสี่ยง โดยการสร้างกิจกรรมที่ทำให้เกิดการตระหนักรู้ เกี่ยวกับเรื่องสารเสพติดและอบายมุขของในโรงเรียน จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นและเป็นที่น่าภาคภูมิใจ ที่ทางโรงเรียนได้ดำเนินงานตามนโยบายของ สพม.27 และนโยบายของรัฐบาล

จึงส่งผลให้ โรงเรียนจตุรพักตรพิมานรัชดาภิเษก สามารถคว้ารางวัล เป็นสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ระดับทอง รางวัลเสมา ป.ป.ส ประเภทผลงานดีเด่นระดับเงิน และรางวัลสถานศึกษาต้นแบบการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น เป็นต้น 




ดร.อัมพร กุลาเพ็ญ ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา กล่าวว่า สำหรับการนิเทศติดตาม และตรวจสอบการจัดการศึกษา การจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับการป้องกันและต่อต้านยาเสพติด 

ทางกลุ่มนิเทศ ได้มีการวางแผนการนิเทศติดตาม ดังนี้ ติดตามการจัดกระบวนการเรียนรู้ ในห้องเรียน ซึ่งได้ความร่วมมือจากบุคลากรทางการศึกษา สำหรับการออกแบบ การจัดกิจกรรมการเรียน การสอน เพื่อสร้างความตระหนักให้แก่นักเรียน ให้ได้มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพิษภัยของยาเสพติด และได้นิเทศติดตามในเรื่องของการดำเนินงาน โครงการโรงเรียนสีขาว ปลอดยาเสพติด และอบายมุขในสถานศึกษา ซึ่งเป็นโครงการที่ทางโรงเรียนได้ดำเนินการ อย่างเป็นระบบ และทำให้ประสบผลสำเร็จในเรื่องของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ในการดำเนินโครงการโรงเรียนสีขาว ปลอดยาเสพติด และอบายมุขในสถานศึกษา 

กิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วย การร่วมชมการจัดกิจกรรมห้องเรียนสีขาว เพื่อสร้างการรับรู้ถึงพิษภัยยาเสพติด ที่สร้างความตระหนักให้แก่นักเรียนทุกคน การนิเทศและติดตามการดำเนินงาน ได้รับความร่วมมือจากคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษา ที่ได้ร่วมรณรงค์กับทางโรงเรียนฯ อย่างต่อเนื่อง

คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว/ภาพ

จิดาภา แก่นนาคำ บก.ข่าว

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด




วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564

สวนนงนุชเปิดเที่ยวปกติ ชลบุรี 8 วันไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม เตรียมคลายล็อกพื้นที่แดงเป็นส้ม

  


สวนนงนุชเปิดเที่ยวปกติ ชลบุรี 8 วันไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม เตรียมคลายล็อกพื้นที่แดงเป็นส้ม

ชลบุรียังเที่ยวได้ สถานที่ท่องเที่ยว หลายแห่งยังเปิดให้บริการตามปกติ โดยมีการตั้งจุดคัดกรองอย่างดี ในขณะที่ 8 วันแล้วไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 

     จากที่นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้คำสั่ง คกก.โรคติดต่อจังหวัดชลบุรีฉบับที่ 12/64 ลงวันที่ 28 มกราคม 2564  มีมติให้ ปิดโรงแรมหรือสถานประกอบการในลักษณะคล้ายโรงแรม และปิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งของราชการและเอกชนในจังหวัดชลบุรีในจังหวัดชลบุรี เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

          นาย กัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา กล่าวว่าจากที่มีประกาศจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ในการปิดโรงแรมสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งก็ได้ขานรับนโยบายในเรื่องการปิดโรงแรม ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวของสวนนงนุชนั้น ได้ขออนุญาตกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีในการเปิดบริการสวนนงนุชให้กับนักท่องเที่ยวตามปกติ เนื่องจากทางสวนนงนุชสามารถควบคุมสถานการณ์และมีแนวทางป้องกันโควิดตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขได้ นอกจากนี้ทางสวนนงนุชเป็นสถานที่โล่งมีการคัดกรองอย่างดี การเว้นระยะห่าง  อีกทั้งยังเป็นการผ่อนคลายให้กับนักท่องเที่ยวและชาวบ้านใกล้เคียงได้พักผ่อนในช่วงสถานการณ์แบบนี้


        สำหรับการสั่งปิดโรงแรมกับสถานที่เที่ยว เนื่องจากทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้รับหนังสือจากสมาคมโรงแรมภาคตะวันออกถึงความเดือดร้อน เนื่องจากยอดจับจองห้องพักของนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีตัวเป็น 0 ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่หลายราย จึงขอให้รัฐสั่งปิดกิจการโรงแรมเพื่อให้ได้รับสิทธิ์เยียวยา ซึ่งตามกฎกระทรวงฉบับใหม่ของกระทรวงแรงงาน พนักงานของสถานประกอบการจะไม่ได้รับเงินชดเชย 50% ถ้าหากสถานประกอบการไม่ถูกสั่งปิดโดยภาครัฐ ดังนั้นการที่ภาครัฐสั่งปิดจึงเป็นทางออกเดียวที่จะช่วยให้พนักงานได้รับเงินชดเชย 

     สถานการณ์การท่องเที่ยวของชลบุรีนั้น นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางมาเที่ยว พัทยา และ จ.ชลบุรี เพราะในช่วงนี้นอกจากที่พักราคาถูกแล้วโรงแรมชั้นนำในพัทยาได้ออกมาขายอาหาร ขนม เครื่องดื่มที่เด่นของแต่ละที่ในราคาที่ถูกให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลอง และยังมีสถานที่เที่ยวอีกหลายที่ที่เปิดให้บริการตามปกติ นอกจากนี้สถานการณ์โควิดของจังหวัดชลบุรี ในรอบ 8 วันที่ผ่านมานั้น ไม่มีคนติดเชื้อทางจังหวัดชลบุรีสามารถควบคุมสถานการณ์ได้  ซึ่งชลบุรีน่าจะประกาศการคลายล็อก เปลี่ยนสีจากแดงเป็นส้ม




วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2564

ร่วมอาลัย "คุณสมหมาย รอดโพธิ์ทอง " อดีตอุปนายกภาคตะวันออกเฉียงเหนือ "สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย"

  


ร่วมอาลัย "คุณสมหมาย รอดโพธิ์ทอง " อดีตอุปนายกภาคตะวันออกเฉียงเหนือ "สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย"


ขอขอบคุณท่านคณะกรรมการบริหารสมาคมท่านที่ปรึกษาและสมาชิก "สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย(สภท.56ปีที่ได้ร่วมช่วยงานแก่ผู้วายชนม์ "คุณสมหมาย รอดโพธิ์ทอง " อดีตอุปนายกภาคตะวันออกเฉียงเหนือ "สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย


วันพุธที่ 27 มกราคม 2564  โดยมีกำหนดการฌาปนกิจศพ เวลา 16.00  วัดพืชอุดม 

ตำบลพืชอุดม อำเภอลำลูกกา(คลอง13) จังหวัดปทุมธานี และได้เงินช่วยเหลือจำนวนเงิน "31,500 บาทจากเราชาวสภททั้งหมด 28 ท่าน โดยมอบเงินให้แก่ "คุณบังอร รอดโพธิ์ทอง (ภรรยา)" โดยรายชื่อผู้ร่วมทำบุญดังนี้...

1. คุณอนันต์ นิลมานนท์ 2,000 บาท

2. คุณเมฆงาม บัวเลียง 1,000 บาท

3. คุณธวัชชัย เฟื่องอนันต์ 200 บาท

4. คุณอรรถการ ตฤษณารังสี 2,000 บาท

5. ดร.พีรวัฒน์ สุรเศรษฐ 2,000 บาท

6. ดร.วิชา จุ้ยชุม 1,000 บาท

7. คุณปัญญ์ฐินี พงษ์เดชอารีกุล/สุ 1,000 บาท

8. คุณอลงกรณ์ พลบุตร 2,000 บาท 

9. คุณชวนินทร์เพชรประดับ 500 บาท

10. คุณฐากูร คงมิ่ง 1,000 บาท

11. คุณพีรพล แสงสุนีย์ 1000 บาท

12. คุณบังอร ศกุนะสิงห์ 1,000 บาท 

13. คุณบุญเลิศ พุทธเจริญ 2,000 บาท

14. ผศ.ดำรงค์ พรสุภัทร 1,000 บาท

15. ทนายธรากร ธนาชัยสุทธิ 1,000 บาท

16. พลโทมีชัย ห้องริ้ว 1,000 บาท 

17. ท่านอธิบดียุทธนา หยิมการุณ 3,000 บาท

18. คุณรันต์ดร คงแสนคำ 500 บาท

19. คุณอริยา ขัติวงศ์ 1,000 บาท

20. คุณกวีพงษ์ ประเทืองสุขสาคร 1,000 บาท

21. คุณศุภเดช ธนูศร 300 บาท

22. คุณวันทนา วิริยะกุล 500 บาท

23. คุณกฤษติน นิลมานนท์/ไกด์  500 บาท

24. คุณสุจิตรา แก้วเงิน 1000 บาท

25. คุณการุณ ตระกูลพุทธรักษา 1,000 บาท

26. คุณพลณนคร ธนพชรกนกภณ(น้อย) 500 บาท

27. คุณเสมอ-คุณอุมาลี บุญญาวัลย์ 2,000 บาท 

28. คุณจรัสแสง ศิลานนท์ 500 บาท

ยอดรวมทั้งหมด 28 ท่าน ที่ร่วมทำบุญเป็นเงิน 31,500 บาท



กรมเจ้าท่า สำนักพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำ เปิดหน่วยปฏิบัติงานขุดลอกลำท่ากี่ จ.ร้อยเอ็ดโดยรถขุด ขก.3 เป็นเครื่องจักรปฏิบัติงาน

  


“เจ้าท่า คือผู้ ดูแล รักษา แม่น้ำ”

         วันที่ 26 มกราคม 2564  กรมเจ้าท่า สำนักพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำ  โดยสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 8 เปิดหน่วยปฏิบัติงานขุดลอกลำท่ากี่ ต.ดอนโอง อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ดโดยรถขุด ขก.3 เป็นเครื่องจักรปฏิบัติงาน 

         นายสุรชัย แนวถาวร นายช่างเครื่องกลชำนาญงาน ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าหน่วยฯ ขนาดความกว้างร่องน้ำ ตามแผนขุดลอก 25-70 เมตร  ความยาว 650 เมตร ระดับความลึกที่ก้นร่องน้ำตามแผนขุดลอก 123-128เมตร (จากระดับ รทก.)  ปริมาณเนื้อดิน 87,300ลบ.ม. ระยะเวลาปฏิบัติงาน 100วัน โดยขุดเพิ่มความกว้างและความลึกของร่องน้ำ เพื่อให้สามารถระบายน้ำในฤดูน้ำหลาก และกักเก็บน้ำในฤดูแล้ง เมื่อขุดลอกแล้วเสร็จ ประชาชนในพื้นที่และเกษตรกรสามารถใช้น้ำในการน้ำอุปโภค บริโภค และเพื่อการเกษตรกรรมได้ตามวัตถุประสงค์ ซึ่งประชาชนในพื้นที่ตำบลดอนโองจะได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง


          ปัญหาและอุปสรรค เนื่องจากลักษณะดินในพื้นที่ขุดลอกเป็นดินดานจึงทำให้การขุดลอกเป็นไปด้วยความลำบากและต้องตักถ่ายดินหลายครั้งกว่าจะถึงริมตลิ่ง จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการขุดลอก

 ผลงานถึงวันที่ 26 มกราคม 2564 ได้ระยะทาง 195 เมตร ปริมาณวัสดุขุดลอกจำนวน 48,546 ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 54.58ของปริมาณวัสดุขุดลอกตามแผนปฎิบัติงานคาดว่าจะทำงานแล้วเสร็จตามแผนงาน

......................................

สำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 8

โทรศัพท์ 043-393590-2

E-Mail : cdmc8@md.go.th

เว็บไซด์ https://www.md.go.th/central/cdnm_burea u/cdnm_office8/



วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2564

แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “สมาคมประชาคมคนตาบอดไทยมอบแสงสว่างส่งพลังใจเพื่อคนตาบอดสู้ภัยโควิด 19”

เปิดโครงการ “สมาคมประชาคมคนตาบอดไทยมอบแสงสว่างส่งพลังใจเพื่อคนตาบอดสู้ภัยโควิด 19” พกร่วมกับสมาคมประชาคมคนตาบอดไทย แถลงข่าวเปิดตัวโครงการช่วยเหลือคนตาบอด สู้ภัยโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่


วันที่ 26 .. 2564 เวลา 14.30  อาคารศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APCD) ชั้น 1 บ้านราช วิถี กรุงเทพฯ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ร่วมกับสมาคมประชาคมคนตาบอดไทย จัดงานแถลงข่าวเปิดโครงการ “สมาคม ประชาคมคนตาบอดไทย มอบแสงสว่าง ส่งพลังใจ ช่วยเหลือคนตาบอดสู้ภัยโควิด-19” เพื่อช่วยเหลือคนพิการทางการเห็น (คนตาบอดทั่วประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ที่ระบาดระลอกใหม่ โดยมี นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นประธานในพิธีแถลงข่าวฯ และ นายพัฒน์ธนชัย สระกวี นายกสมาคมประชาคมคน ตาบอดไทยกล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดทำโครงการฯ พร้อมด้วย ผู้แทนคนพิการทางการเห็นในสาขาอาชีพต่างๆ ผู้ช่วยคนพิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานแถลงข่าว




นางสาวสราญภัทรฯ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) มีภารกิจสำคัญในการพัฒนาคนและสังคมให้มีคุณภาพเต็มศักยภาพและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง สร้างเสริมการมีส่วนร่วมทางสังคมในทุกระดับ กับทุกภาคส่วน พัฒนาองค์ความรู้ ขีดความสามารถและระบบการบริหารจัดการด้านการพัฒนาสังคมคนพิการ การจัดระบบสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนมีหลักประกัน และมีความมั่นคงในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ่งเน้นให้คนพิการสามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงส่งเสริมและพิทักษ์สิทธิของคนพิการร่วมกับภาคีเครือข่าย องค์กรด้านคนพิการตลอดจนส่งเสริมการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากสื่อ สิ่งอำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ เพราะเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง




ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ส่งผลกระทบต่อคนทั่วโลกและประเทศ ไทย ซึ่งในกลุ่มคนพิการ โดยเฉพาะคนพิการทางการเห็น หรือ คนตาบอด ที่ต้องใช้ชีวิตยากลาบากขึ้นกว่าคนทั่วไป ทางกระทรวงฯ ได้ ตระหนักในปัญหาที่เกิดขึ้น และได้ร่วมมือกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ ในการที่จะช่วยเหลือเยียวยาคนพิการทุกคน ให้ดำรงตนอยู่ในสภาวการณ์ นี้ โดยนอกจากการช่วยเหลือบริการทางสังคมและสวัสดิการความช่วยเหลืออื่นจากรัฐแล้ว ยังได้ระดมความช่วยเหลือจากภาคประชาสังคม และองค์กรภาคเอกชนอื่นๆ และในวันนี้ สมาคมประชาคมคนตาบอดไทย เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ได้ดำเนินโครงการ “สมาคมประชาคมคนตา บอดไทย มอบแสงสว่าง ส่งพลังใจ ช่วยเหลือคนตาบอดสู้ภัยโควิด 19” เพื่อช่วยเหลือคนพิการทางการเห็นทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก โรคระบาดโควิด-19 ที่มีการระบาดระลอกใหม่ ภายใต้มาตรการการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด




นอกจากนี้ ภายในงาน ยังได้มีการสัมภาษณ์ตัวแทนคนพิการทางการเห็นที่ประกอบอาชีพในสาขาต่างๆ ได้แก่ นางมาตยา ล่อง กาศ หมอนวดคนตาบอด นายมนตรี บรรยาคา ศิลปินนักร้อง/นักดนตรีคนตาบอด นางสาวชญาณิชฐ์สว่างพิภพ อาชีพจาหน่ายสลากกิน แบ่งรัฐบาล ได้บอกเล่าถึงผลกระทบในช่วงโรคระบาดโควิด-19 รวมไปถึงการปรับตัวในการใช้ชีวิตแบบ “New Normal” ในมุมมองและ ทัศนคติของคนตาบอดด้วย นอกจากนี้ยังมีเหล่าคนดังใจบุญอาทิ พญ.พลอยลดา ธนาไพศาลวรกุลนุชนาถ ระวีแสงสูรย์ศศิวิมล ดารา รัตนโรจน์ และ ปิยะมาลา ดาริกาญจน์ มาร่วมงานพร้อมทั้งยังได้มอบถุงยังชีพ และเงินสมทบทุนให้กับสมาคมประชาคมคนตาบอดไทย เพื่อนาไปช่วยเหลือเยียวยาคนตาบอดที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด 19 ในครั้งนี้ด้วย




จากนั้น นายพัฒน์ธนชัย สระกวี นายกสมาคมประชาคมคนตาบอดไทย กล่าวว่า โครงการ “สมาคมประชาคมคนตาบอดไทย มอบแสงสว่าง ส่งพลังใจ ช่วยเหลือคนตาบอดสู้ภัยโควิด 19” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คาปรึกษาแนะนาเกี่ยวกับการปฏิบัติตน เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แก่คนตาบอด ผู้ดูแลคนพิการ และครอบครัวของคนตาบอดและเพื่อระดมทุนทั้งเงินและสิ่งของไปช่วยเหลือ เยียวยาคนตาบอดที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) โครงการฯนี้ ได้ดำเนินการตามนโยบาย “ประชารัฐ” ของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมต่อการจัดสวัสดิการสังคม สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการร่วมบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือคน ตาบอดสู้ภัยโควิด-19 ท่านสามารถบริจาคโดยการโอนเงินผ่าน บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นจูรี่ ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี กองทุน ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนตาบอดในประเทศไทย หมายเลขบัญชี 481 – 0 – 14002 – 4 หรือบริจาคเป็นสิ่งของด้วยตนเอง หรือจัดส่งทางไปรษณีย์ได้ที่ เลขที่ 63/374 บางใหญ่ซิตี้ ซอย 10/11 หมู่ 6 .เสาธงหิน .บางใหญ่ .นนทบุรี11140

 ทั้งน้ีสอบถามรายละเอียดได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 089 994 6656 หรือ สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อรับข้อมูลข่าวสารของสมาคมฯ ผ่านไลน์ แอพพลิเคชั่นได้อีกด้วย 



พลังท้องถิ่นไท เดินหน้าเสนอแก้ไข พรบ.การพนัน

 พลังท้องถิ่นไท เดินหน้าเสนอแก้ไข พรบ.การพนัน

“ชัช เตาปูน” เดินหน้าเสนอแก้ปัญหาการพนันนอกระบบ ผลักดันให้ถูกต้องตามกฎหมาย นำเม็ดเงินช่วยเหลือประชาชน

วันที่ 26 มกราคม 2564 นายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทได้กล่าวเปิดเผยว่าในขณะนี้ผมได้มอบหมายให้ ส.ส.นพดล แก้วสุพัฒน์ รองหน.พรรคฯเสนอญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาพิจารณาการจัดเก็บรายได้จากธุรกิจคาสิโนและการพนันรูปแบบต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ของประชาชนต่อสภาผู้แทนราษฎร 

โดยในวันนี้ก็ได้มีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคพลังท้องถิ่นไทได้ติดตามความคืบหน้าเห็นว่าประเด็นดังกล่าวมีความจำเป็นเพราะประเทศต้องมีรายได้เพิ่มเพื่อช่วยเหลือประชาชนและสอดคล้องกับแนวทางของท่านายกรัฐมนตรีที่ให้การศึกษาเรื่องเดียวกันกับญัตติของพรรคฯ ที่ได้เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร  โดยที่ประชุมคณะทำงานของพรรคฯ ได้มีมติแต่งตั้งคณะทำงานสนับสนุนการศึกษาและยกร่างแก้ไข พรบ.การพนัน

เนื้อหาโดยรวมในเบื้องต้นที่มีการศึกษาเพื่อนำไปสู่การแก้ไข พรบ.ประกอบด้วย

1. ประเภทของการพนันที่เหมาะสมและไม่กระทบต่อประชาชน

2. สัดส่วนรายได้ที่ควรจะเป็นของรัฐจากธุรกิจการพนันต่าง ๆ

3. รายได้ที่เกิดขึ้นจากการพนันควรนำไปสู่การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่เกี่ยวข้องกับหนี้สินและการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนด้านต่าง ๆ

  คาดว่าพรรคพลังท้องถิ่นไทจะสรุปรายละเอียดและจัดทำร่างแก้ไข พรบ.การพนันให้เสร็จก่อนปิดสมัยประชุมเดือนกุมภาพันธ์นี้


วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2564

ประธานกตตร.จังหวัดนนท์ และนักศึกษาปปร. 24 ร่วมงานสวดอภิธรรม นาวาเอกประสิทธิ์ ต๊ะวิชัย

  


ประธานกตตร.จังหวัดนนท์ และนักศึกษาปปร. 24 ร่วมงานสวดอภิธรรม นาวาเอกประสิทธิ์ ต๊ะวิชัย

ดร.ชัยรัตน์ จํานงค์การ ประธานกตตรจังหวัดนนท์ภาคประชาชน และนักศึกษาปปร. 24 ร่วมงาน สวดอภิธรรม นาวาเอกประสิทธิ์ ต๊ะวิชัย(บิดาของพล...ปิยะ ต๊ะวิชัย ศาลา 5/1  วัดตรีทศเทพวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานครฯ






เรือนจำนนท์ จัดพิธีปิดโครงการพระราชทาน “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์ รุ่นที่ 2/2

เรือนจำนนท์ จัดพิธีปิดโครงการพระราชทาน “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์ รุ่นที่ 2/2

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้แทนพระองค์ ในพิธีปิดโครงการพระราชทาน “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง” รุ่นที่ 2/2 เรือนจำจังหวัดนนทบุรี กรมราชทัณฑ์ พร้อมมอบประกาศนียบัตรและให้โอวาท แก่ผู้ผ่านการฝึกอบรมโครงการฯ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ม.ค.64 ที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ ดร.สุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นผู้แทนพระองค์ ในพิธีปิดโครงการพระราชทาน “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง” รุ่นที่ 2/2 เรือนจำจังหวัดนนทบุรี กรมราชทัณฑ์ พร้อมมอบประกาศนียบัตรและให้โอวาท แก่ผู้ต้องขังที่ได้รับการอบรม 250 คน และได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว 26 คน โดยได้รับเกียรติจาก พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองเลขาธิการพระราชวัง, พันเอก บำรุง วิชาธร รอง ผอ.กอ.รมน. จ.นนทบุรี ร่วมเป็นเกียรติในพิธีฯ และมี นางสาวปรีย์ธิดา สมจิตร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ให้การต้อนรับและกล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการฯ




นางสาวปรีย์ธิดา สมจิตร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ตามที่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาส วันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ.2563 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการฝึกโครงการพระราชทาน “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง” กรมราชทัณฑ์ รุ่นที่ 2/2 ให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ ที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษในวาระดังกล่าว

นางสาวปรีย์ธิดา กล่าวต่อว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยในความเป็นอยู่ของพสกนิกรของพระองค์ทุกหมู่เหล่ารวมถึงผู้ต้องราชทัณฑ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานให้มีการฝึกโครงการพระราชทาน “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง” กรมราชทัณฑ์ขึ้น โดยเรือนจังหวัดนนทบุรี ได้นำผู้ต้องขังเข้าทำการฝึกอบรมเป็นการประยุกต์ใช้ทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้าน ปั้นโคก ขุดหนอง ทำนา เพื่อสร้างต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็ก โดยสามารถดำเนินการได้ในทุกเรื่อง และมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพื้นฐานความคิด การฝึกวินัย การลงมือปฏิบัติ ตลอดจนการแก้ปัญหาในสถานการณ์จริง เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถพึ่งพาตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นที่ได้รับความเดือดร้อนได้เมื่อพ้นโทษออกไปภายนอก โดยปฏิบัติการฝึกอบรมเป็นเวลา 14 วัน ระหว่างวันที่ 21 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2564 แบ่งการฝึกอบรมเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1.การอบรมพึ่งตนเองด้วยทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง 2.การแปลงทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ และ 3.การสรุปและประเมินผล




“เรือนจำจังหวัดนนทบุรี มีผู้ต้องราชทัณฑ์ที่เข้าเกณฑ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และลดวันต้องโทษ เข้ารับการฝึกอบรมฝึกโครงการพระราชทาน “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง” รุ่นที่ 2/2 เป็นผู้ต้องขังที่เป็นคนไทย จำนวน 250 คน ซึ่งในจำนวนนี้ จะได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ จำนวน 26 คน ซึ่งการฝึกอบรมได้ดำเนินการเสร็จสิ้นครบถ้วนตามหลักสูตรการฝึกอบรม ผลการฝึกอยู่ในเกณฑ์ดีมาก จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ผู้ผ่านการฝึกอบรม สามารถพึ่งพาตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่ ทั้งสามารถช่วยเหลือประชาชน ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมได้ หลังจากนี้แล้วผู้ต้องขังที่จะพ้นโทษในโอกาสต่อไป จะต้องไปดำเนินการในพื้นที่ตามภูมิลำเนาของตนเอง อันเป็นการสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน เพื่อพัฒนาชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และช่วยกันพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป” ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี กล่าว

โดยผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ได้นำผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้รวม 26 คน เดินออกจากเรือนจำส่งมอบต่อให้กับครอบครัวที่มารอรับอยู่ด้านหน้า โดยทั้งหมดร่วมกันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยน้ำตาและรอยยิ้มของผู้พ้นโทษและครอบครัว





ครีม ศศิกานต์ กับบทบาทนักร้องเพลงลูกทุ่ง ในผลงานเพลง"วอนพระพรหม"

ลูกทุ่งน้องใหม่ไฟแรง ครีม ศศิกานติ์ หรือ น.ส.ศศิกานติ์ ตันสุวรรณ น้องครีม กับบทบาทนักร้องลูกทุ่งสาว ในผลงานเพลง "วอนพระพรหม" ...